
“กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนโรส” วิลเลียมคว้าต้นแขนหญิงสาวเอาไว้ แล้วบังคับให้เธอหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา
“ไม่! ฉันบอกคุณชัดเจนแล้วนี่คะ” รสมาลีพยายามแกะมือแข็งแรงออกจากต้นแขนตน แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ “ปล่อยฉันนะคุณวิลเลียม”
“ไปคุยกันที่เตียงดีกว่า”
“ไม่ไป! ฉันจะกลับห้อง!” ร่างบางขืนกายและคัดค้านเสียงแข็ง แม้จะเสียเปรียบเขาทุกด้าน แต่ก็ดิ้นรนต่อต้านเขาสุดฤทธิ์ หากแต่สุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานความต้องการของผู้ชายตัวโตได้
“เลิกดิ้นเถอะโรส มันไม่มีประโยชน์หรอก” เสียงทุ้มเอ่ยเตือนเหมือนจะหวังดี แต่รสมาลีก็มิได้นำพา เธอดิ้นจนผ้าขนหนูที่เขาใช้พันกายท่อนล่างหลุดร่วงลงสู่พื้นพรมหน้าเตียงนอน
“ตายแล้ว!”
-----------------------------
“รับไว้นะ”
“ค่าอะไรคะ” รสมาลีเอ่ยถามทั้งๆ ที่พอจะคาดเดาได้
“ค่าปลอบขวัญที่ฉันล่วงเกินเธอเมื่อคืน”
“ฉันไม่ใช่โสเภณีนะคะถึงจะรับค่าตัวจากคุณ” เธอบอกเสียงเย็นชาและจ้องใบหน้าหล่อเหลาเขม็ง
“มันเป็นค่าชดเชย ไม่ใช่ค่าตัว อย่าคิดมากสิโรส” เขาแจกแจงสีหน้านิ่งๆ แฝงไว้ด้วยความจริงจัง
รสมาลีหลุบตามองตัวเลขที่ระบุไว้ในกระดาษขนาดประมาณฝ่ามือ และคำนวณเป็นเงินไทยคร่าวๆ น่าจะอยู่ราวๆ หนึ่งล้านห้าแสนบาท เธอลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ แม้ไม่ใช่ผู้หญิงหน้าเงิน แต่ก็ไม่ใช่นางเอกละครที่มักจะขยำกระดาษจนเป็นก้อนกลม แล้วปาใส่หน้าพระเอก วิธีนั้นไม่ใช่นิสัยของรสมาลี ในเมื่อเธอเสียสิ่งที่หวงแหนไปแล้ว และเรียกคืนกลับมาไม่ได้ ก็ไม่ควรปฏิเสธสิ่งที่เขาชดเชยให้เช่นกัน
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะรับมันไว้”
“ฉันดีใจที่เธอไม่ปฏิเสธ เพราะมันเป็นเงินที่เธอสมควรจะได้” เขากดยิ้มอย่างพึงพอใจ ซึ่งเป็นภาพที่น่าหมั่นไส้ที่สุดในสายตาของรสมาลี
“ฉันไปได้แล้วใช่ไหมคะ”
“ยังไปไม่ได้ เพราะยังมีอีกเรื่องที่เราต้องตกลงกันก่อน”
“มีปัญหาอะไรอีกเหรอคะ” กระแสเสียงที่เอ่ยถามเจือความไม่พอใจเล็กน้อย
“ฉันมีเช็คอีกใบที่จะมอบให้เธอ”
เอ่ยจบก็กรอกตัวเลขและลายเซ็นลงในสมุดเล่มเล็กนั้นอีกครั้งด้วยความคล่องแคล่ว จากนั้นก็ฉีกออกแล้วยื่นให้ผู้เสียหายพร้อมกำชับอีกฝ่ายเสียงเรียบ หากแต่เฉียบขาดอยู่ในที
“เรื่องเมื่อคืนนี้เราจะรู้กันเพียงสองคนเท่านั้นนะโรส ห้ามบอกใคร โดยเฉพาะกีซัส ไรอันและทีฟา”
‘อ้อ...ค่าปิดปากสินะ ยอมจ่ายตั้งหมื่นเหรียญ คงกลัวเพื่อนๆ จะรู้มากว่านอนกับผู้หญิงธรรมดาอย่างเรา ไม่ใช่สาวไฮโซ’